พื้นคอนกรีตขัดเงา คริสตัลฟลอร์ เป็นพื้นชนิดหนึ่ง ที่ผิวหน้ามีความแข็งแรงสูง ทนแรงขูดขีดและเสียดสีได้ดี ทำความสะอาดง่าย และมีความเงามากกว่าคอนกรีตขัดมันธรรมดา และมีผิวที่เรียบมันและไม่ลื่น ไม่หลุดล่อน ทำความสะอาดง่าย ค่าบำรุงรักษาต่ำ อายุการใช้งานยาวนาน สรรพคุณของพื้นดีมาก เหมาะสำหรับใช้ใน พื้นโรงงาน โกดัง ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง โชว์รูมฯลฯ
พื้นคอนกรีตขัดเงา คริสตัลฟลอร์ หรือเรียกว่า โพลิสชิ่งคอนกรีต มีมานานแล้วเริ่มในยุโรปและอเมริกา ได้ใช้กันแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม และได้เข้ามาแพร่หลายในประเทศไทย เป็นที่นิยมใช้กันมาก เช่น
- ห้างสรรพสินค้า ไทวัสดุ
- ห้างสรรพสินค้า โกบอลเฮาส์
- ห้างสรรพสินค้า โฮมโปร
- ห้างสรรพสินค้า เมกาโฮม
- โรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ โตโยต้า
- โรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ บริดสโตน
- โรงงาน ศรีไทยซุปเปอร์แวร์
- โรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ ศรีตรัง
- โรงงานน้ำตาล มิตรผล
- โรงสีข้าว
- โกดัง
- คลังสินค้า
- ร้านขายวัสดุก่อสร้างท้องถิ่น
พื้นคอนกรีตขัดเงา คริสตัลฟลอร์ เป็นพื้นที่มีความแข็งแรงไม่ก่อให้เกิดฝุ่น ดูสวยงาม ทำความสะอาดง่าย สามารถทำได้กับพื้นใหม่ที่คิดจะก่อสร้าง หรือ พื้นเก่าที่มีการใช้งานมานานแล้วก็ได้
พื้นคอนกรีตเก่า สามารถชุบชีวิตขึ้นใหม่ได้ (CrystalFloor Resurface)
พื้นคอนกรีตเก่าที่มีอยู่แล้วถูกใช้งานจนสึก ร่อน เป็นหลุมเป็นบ่อ ทำให้ขนส่งลำเลียงสินค้ายากลำบาก ทำให้เสียเวลาและยังเกิดอันตรายได้ง่าย และยังทำให้ล้อรถขนส่งเกิดความเสียหายต้องเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ เสียค่าใช้จ่ายมากมาย พื้นคอนกรีตขัดเงาคริสตัลฟลอร์ สามารถทำให้ดูใหม่ได้และแข็งแรงขึ้น สามารถแก้ปัญหาของพื้นได้ดี ยาวนาน
การที่จะทำพื้นใหม่ที่กำลังจะก่อสร้างนั้น ถ้าวางแผนไว้ก่อนควรวางสเปคไว้เลย เพราะการวางสเปคไว้นั้นจะทำให้ได้คุณภาพของสินค้าที่ดี ได้ตรงตามที่ตั้งใจ เช่นอยากได้พื้นที่เห็นหินในคอนกรีต อยากเห็นทรายอย่างเดียว หรือไม่อยากเห็นหินควรทำอย่างไร บางครั้งผู้ซื้อยากเห็นหินสี เปลือกหอย หรือแม้กระทั้งหัวน๊อตบนพื้น ก็สามารถทำได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเตรียมผิว พื้นคอนกรีตขัดเงา คริสตัลฟลอร์ คลิ๊ก >> Line Official : @Repfloor
ความแข็งแรงของพื้นคอนกรีตขัดเงา คริสตัลฟลอร์ เกิดจาก 2 กระบวนการ คือ กระบวนกานสร้างผลึก และกระบวนการขัดลอกผิวคอนกรีต
-
กระบวนการสร้างผลึก (Crystalyzation)
- น้ำยาที่ใช้เป็นของเหลวที่จะสร้างเสริมความหนาแน่นให้กับคอนกรีต (Concrete Densifier) โดยส่วนของซิลิเกต จะเข้าไปทำปฎิกริยากับแคลเซี่ยมอิสระในคอนกรีตก่อให้เกิดผลึก Calcium Hydroxyl Silicate สารประกอบรูปเข็มที่สานกันเป็นโครงผลึกอยู่ภายในโครงสร้างของคอนกรีตที่เป็นส่วนของอากาศ ทำให้เพิ่มความหนาแน่นของผิวหน้าพื้นคอนกรีต ทำให้เกิดความแข็งแรงขึ้น การที่พื้นมีความหนาแน่นนี้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้พื้นมีความเงาด้วย
- การใส่น้ำยา Concrete Densifier จะเรียกว่า Liquid ก็ได้ น้ำยาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพื้นผิวคอนกรีตที่มีปัญหา การเกิดฝุ่นอันเนื่องมาจากคุณภาพของคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐาน ที่อาจเกิดจากที่ช่างปูน เทคอนกรีตแล้วทำการเติมน้ำ ทำให้ผิวคอนกรีตมีคุณภาพต่ำลง เมื่อใช้งานแล้วเกิดเป็นฝุ่นได้ง่าย การเติมน้ำยา Concrete Densifer ลงไปจะช่วยสร้างผลึกทำให้พื้นผิวคอนกรีตมีความหนาแน่นขึ้น ผิวคอนกรีตจะมีความแข็งแกร่งขึ้น สามารถใช้งานได้อีกครั้ง และผลึกที่เกิดขึ้นยังลดการไหลซึมของน้ำได้ดีขึ้น น้ำยา Concrete Densifier มีหลายประเภท มีวิธีใช้ที่ต่างกัน ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีประสิทธิ์ภาพของน้ำยาก็น้อยลงด้วย
2.กระบวนการขัดลอกผิวหน้าคอนกรีต (Polished Concrete)
- การขัดลอกผิวคอนกรีตนั้นเพื่อทำให้ผิวบนของคอนกรีต ซึ่งเป็นซีเมนต์เพสต์ (Cement Paste) ออกหรือน้อยลงเพราะซีเมนต์เพสต์นั้นอ่อนแอ มีความแข็งแรงน้อย และเป็นตัวต้นเหตุที่หลุดล่อนเป็นฝุ่นที่เราเห็น
- การที่ขัดผิวคอนกรีตนั้นเพื่อทำผิวคอนกรีตให้เรียบและมันเงา โดยการขัดผิวคอนกรีตนั้นต้องเลือกใบขัดที่มีผิวหยาบก่อนเพื่อเปิดผิวหน้าและเอาส่วนที่อ่อนแอออก แล้วจึงค่อยขัดใบหยาบน้อยกว่าตามไปเลยๆ จนกว่าถึงใบละเอียดที่สุด
- ใบขัดนั้นมีความสำคัญเพราะถ้าใช้ใบขัดที่ไม่คมพอก็ไม่สามารถขัดเอาผิวที่อ่อนแอออกได้ดี และทำงานได้ช้า ในกรณีที่ช่างขัดไม่มีความรู้ความเข้าใจถึงพื้น จะมองไม่ออกเลยว่าขัดผิวหน้าออกพอหรือยัง เพราะถ้าขัดไม่พอมีผลต่อความเงาและแข็งแรงของพื้นด้วย
- ในการขัดพื้นคอนกรีตนั้น ถ้าช่างไม่มีความชำนาญใช้ใบขัดผิดประเภทก็จะทำให้หลังทำงานเสร็จแล้วจะเห็นรอยใบขัด และเป็นที่เก็บฝุ่นดูแล้วขาดความสวยงาม
5 ปัจจัยทีทำให้พื้นคอนกรีตขัดเงา คริสตัลฟลอร์ มีความสวยงามและทนทาน
- การใช้น้ำยาที่ถูกต้อง น้ำยา Densifier มีหลายประเภท มีการให้ผลึกที่แตกต่างกัน จำนวนผลึกไม่เท่ากัน เพราะฉนั้นการใช้งานแตกต่างกัน วิธีใช้ก็แตกต่างกัน
- ใบขัดที่นำมาใช้ ใบขัดเพชรหรือเรียกว่า Metal Bond Diamond และ Resin Bond Diamond ที่นำมาใช้ในท้องตลาดมีหลายประเภท มีคุณภาพที่แตกต่าง มีวิธีการใช้ที่แตกต่าง ถ้านำมาใช้ไม่ถูกวิธีก็ทำให้พื้นได้คุณภาพไม่ดี เช่นใบขัดน้ำแต่นำมาใช้ขัดแห้ง ใบบางรุ่นขัดไม่เงาเพราะเพชรสังเคราะห์ที่อยู่ในใบไม่มีคุณภาพผู้ใช้เน้นแต่ราคาถูก
- เครื่องจักรที่ใช้ เครื่องจักรที่ใช้ต้องมีประสิทธิ์ภาพเหมาะสมกับสภาพหน้างาน เครื่องขัดมีระบบเป็นแบบ Planetary และระบบ Square มีหลายรุ่น รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ใช้ไฟฟ้า 220v,380v และมีรุ่น 12 หัวขัด 9 หัวขัด และ 6 หัวขัด และแต่ละรุ่นน้ำหนักไม่เท่ากัน ความเหมาะสมกับงานก็ต้องคำนึงถึงด้วย
- ความรู้และความสามารถ ประสบการณ์ เป็นสิ่งที่สำคัญ พื้นคอนกรีตของแต่ละหน่วยงานนั้นจะไม่เหมือนกัน พื้นคอนกรีต บางที่แข็งแรงดีมาก บางที่อ่อนแอมาก บางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ บางที่เป็นตามด บางที่เป็นรอบใบขัดเป็นรอยเท้าช่างขัดพื้น ฯลฯ ช่างที่มีความรู้ ความสามารถจะรู้วิธีการวิเคราะห์ ในการขัดว่าเกิดสถานการณ์อย่างนี้จะขัดวิธีไหนและขัดอย่างไร และที่สำคัญจะใช้อะไรมาซ่อมแซมพื้นให้แข็งแรงขึ้น
- มีการตรวจสอบคุณภาพ การที่ทำพื้นคอนกรีตขัดเงาคริสตัลฟลอร์ นั้นตามยังไม่มีมาตรฐานในการตรวจสอบคุณภาพ มีเพียงแต่ทางบริษัท เรพฟลอร์ จำกัด ที่ทำมาตรฐาน เพื่อเป็นการตรวจสอบการทำงานของช่างบริษัทตัวเองเท่านั้น จึงทำให้ผลงานของบริษัท เรพฟลอร์ จำกัด เป็นที่ยอมรับของลูกค้า โดยทาง เรพฟลอร์ได้ตั้งมาตรฐานคือ ต้องมีค่าความเงาไม่น้อยกว่า 30GU ที่มุม 600C ก่อนลงน้ำยาเคลื่อบเงา และมีความแข็งไม่น้อยกว่า 7-8 Mohs’hardness
ค่าความเงาพื้นคอนกรีตขัดเงา คริสตัลฟลอร์
คือการที่ทำพื้นให้มีความเงาที่เกิดขึ้นจากการขัดคริสตัลฟลอร์คอนกรีตโพลิสชิ่ง เพราะความเงาที่เกิดจากการขัดจะมีความเงาที่ยาวนาน อันเกิดจากความหนาแน่นของพื้น ส่วนความเงาที่เกิดจากการลงน้ำยาเคลือบเงา WAX นั้นจะเงาไม่นานและไม่แข็งแรง เพราะเมื่อใช้งานไปน้ำยาเคลือบเงา WAX ก็จะสึกและหลุดหาย ทำให้พื้นหมดความเงางาม และ เมื่อใช้งานพื้นก็จะสึกกร่อนเป็นฝุ่น
ค่าความแข็งของพื้นคอนกรีตขัดเงา คริสตัลฟลอร์
คือค่าการวัดความแข็งของพื้น โดยใช้เหล็กที่มีความแข็งที่แตกต่างนำมาขูดพื้นคอนกรีตที่ขัดเสร็จแล้ว ถ้าเหล็กอันไหนขูดพื้นคอนกรีตแล้วเป็นรอยนั้นแสดงว่าพื้นมีความแข็งน้อยกว่าเหล็กที่ขูด เช่น ขูดที่เบอร์ 7 แล้วไม่เป็นรอย ขูดที่เบอร์ 8 แล้วเป็นรอย นั้นแสดงว่าได้ค่าที่ 7-8
เหล็กที่นำมาขูดนั้นมีเบอร์ 2 ถึงเบอร์ 9 ซึ่งมีค่าความแข็งที่แตกต่างกัน โดยค่าความแข็งมีดังนี้
- เหล็กเบอร์ 2 = Aluminum
- เหล็กเบอร์ 3 = Brass
- เหล็กเบอร์ 4 = Nickel
- เหล็กเบอร์ 5 = Glass
- เหล็กเบอร์ 6 = Pumice
- เหล็กเบอร์ 7 = Quartz
- เหล็กเบอร์ 8 = Topaz
- เหล็กเบอร์ 9 = Tungsten
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://th.wikipedia.org/wiki/มาสตราโมส
Complier : Nathapush Jirachotithapanon
ระบบพื้นที่ใช้ทั่วไปโรงงานอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
ระบบพื้นโรงงานในปัจจุบันนั้นมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไปตา […]
Admin_Puu
16 กุมภาพันธ์ 2020ทำไมพื้น Epoxy ถึงบวมและหลุดร่อน?
การที่จะทำพื้น Epoxy ต่างๆควรทำ การวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อ […]
Admin_Puu
1 กันยายน 2019พื้น Floor Hardener คืออะไร ?
พื้น Floor Hardener คือ การทำผิวพื้นคอนกรีตให้มีความแข็ […]